วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555






 เกิดเหตุโรงงานน้ำแข็งระเบิดกลางเมืองนครราชสีมา ตัวโรงงาน เครื่องจักร และบ้านใกล้เคียงพังราบ คนงานเจ็บ 3 ราย เพื่อนบ้านดวงซวยเจ็บสาหัส คาดเครื่องจักรและถังหล่อเย็นทำงานหนักจนเกิดแรงดันสูงจนตูมสนั่นเมือง
            เมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 7 ก.ย.พ.ต.ท.พิษณุ กองทองนอก สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นในโรงงานน้ำแข็งเอ็น.เอ. ถ.กีฬากลาง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา จึงไปตรวจสอบ โดยมี พ.ต.อ.สนธยา แต่แดงเพชร ผกก. นายชยาวุธจันทร รอง ผวจ.นครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมกำลังหน่วยกู้ภัย หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อุตสาหกรรมจังหวัด และสิ่งแวดล้อมภาค 6 ไปร่วมตรวจสอบ
            ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตน้ำแข็งและน้ำดื่มบรรจุขวด ตั้งอยู่เลขที่ 420/1 มีร่องรอยความเสียหายที่เกิดจากแรงระเบิดภายในโรงงานจนกำแพงพังทะลุ เศษกระจก กระเบื้องหลังคา เศษเหล็ก-ไม้และชิ้นส่วนเครื่องจักรปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะถังเหล็กขนาดใหญ่ที่บรรจุสารเคมีได้กระเด็นไปกระแทกตัวอาคารพาณิชย์เลขที่ 420 ซึ่งเปิดเป็นร้านขายผ้าม่าน ที่ตั้งอยู่ติดกันได้รับความเสียหายอีก 2 คูหา โดยถังเหล็กขนาดใหญ่พุ่งเสียบทะลุคาอยู่ที่กลางตัวบ้าน
รวมทั้งด้านข้างโรงงานที่มีเศษโครงเหล็ก ถังน้ำ และกระเบื้อง ถูกแรงอัดระเบิดพังเสียหายราบเป็นหน้ากองนอกจากนี้ยังมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้รับความเสียหายเล็กน้อยรวม 5 หลัง และรถยนต์อีก 2 คัน ขณะที่ภายในตัวโรงงานซึ่งมีโครงสร้างสำนักงานก็พังเสียหายยับเยิน เศษกระจก โครงอะลูมิเนียม ขวดน้ำดื่ม และน้ำแข็งหลอดกระจัดกระจายเกลื่อนบริเวณ
            ขณะเดียวกัน พบผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์รวม 4 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน เจ้าหน้าที่ช่วยกันลำเลียงส่ง รพ.มหาราช ในจำนวนนี้มีนายเศกสิทธิ์ พิกุลสวัสดิ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านผ้าม่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกเศษเหล็กปลิวกระแทกศีรษะจนเลือดอาบ ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ประกอบด้วย นายอุทัย เพชรโคกสูง อายุ 56 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ไชยราช อายุ 37 ปี และนางลักษณา แสนเฉลียง อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นคนงานในโรงงาน ถูกเศษกระจกบาดอาการไม่สาหัส
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกู้ภัยสารเคมีและวัตถุอันตราย ปภ.นครราชสีมา ต้องสวมชุดป้องกันสารเคมี เข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดที่ตั้งของเครื่องจักรและถังบรรจุสารหล่อเย็นขนาดใหญ่ในตัวโรงงาน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการระเบิด พบว่ามีรอยรั่วของสารเคมีที่วาล์วของเครื่องจักร ทราบต่อมาภายหลัง คือ สารพีออน 22 ซึ่งไม่ก่ออันตรายต่อผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์และบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากหลังเกิดระบิดได้ระเหยและเจือจางไปทั้งหมด ก่อนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในละแวกใกล้เคียงได้ทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีสารเคมีอันตรายรั่วไหลแต่อย่างใด
เบื้องต้นนายวรพจน์ ศิวะตระกูล เจ้าของโรงน้ำแข็งให้การว่า โรงงานตั้งมานาน 20 ปี ที่ผ่านมามีการตรวจสอบมาตรฐานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด โดยเฉพาะการตรวจเช็กสภาพเครื่องจักรจากช่างเทคนิคอยู่เป็นประจำ แต่ขณะเกิดเหตุมีคนงานอยู่ในไลน์ผลิตน้ำแข็ง 4 คน เดินเครื่องไปตามปกติ จนเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ถังบรรจุสารหล่อเย็นโดยไม่รู้สาเหตุ คาดว่ามูลค่าความเสียหายน่าจะประมาณ 5 แสนบาท
นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากการทำปฏิกิริยาของสารหล่อเย็นในถังเก็บขนาดใหญ่ผ่านกระบวนการผลิตน้ำแข็งโดยเครื่องจักร ซึ่งอาจจะทำงานหนักเกินไป จนทำให้เกิดแรงงานมหาศาล และปะทุออกทางวาล์วและรอบเชื่อมต่อของระบบจนเกิดการระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเท่าที่ประเมินอันตรายจากสารหล่อเย็นประเภท พีออน 22 ไม่น่าจะมีอันตรายต่อประชาชนในชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานแต่อย่างใด
ต่อมา นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.นครราชสีมา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนสั่งการให้หน่วยงานด้านอุตสาหกรรมและด้านสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากโรงงานตั้งอยู่ใจกลางชุมชน หวั่นจะเกิดอันตรายจากสารเคมี รวมทั้งตรวจสอบการขออนุญาตประกอบการ ตรวจความมั่นคงของอาคารโรงงานและอาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบนอกจากนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่ดูแลได้วางมาตรการตรวจสอบมาตรฐานของโรงงานน้ำแข็งทุกแห่ง โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่กลางชุมชนว่ามีความปลอดภัยหรือไม่
ด้าน พ.ต.ท.อนันต์ พิมพ์เจริญ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาประกอบการโรงงานเป็นเหตุให้เกิดระเบิดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย ส่วนสาเหตุทางตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 3 ซึ่งเดินทางมาเก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุแล้ว จะได้สรุปหาสาเหตุที่ชัดเจนอีกครั้ง.


นครราชสีมา /// มนัส กบขุนทด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น